เรารู้ e-Payment หรือการชำระเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นอย่าก้าวกระโดดจากสถานการณ์โควิด-19ที่มาเมื่อ 2-3 ปีก่อน ซึ่งการใช้ e-Payment ของคนไทยเองถือว่าติดอันดับ TOP 3 ของโลกเลยทีเดียว
พร้อมเพย์มียอดการลงทะเบียนใช้พร้อมเพย์แล้วกว่า 70 ล้านหมายเลข เพิ่มขึ้นถึง 22% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
พร้อมเพย์มีการโอนเงินเฉลี่ย 38.7 ล้านรายการต่อวัน เพิ่มขึ้นเกือบ 60% มูลค่ารวม 1.2 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่กว่า 90% เป็นรายการที่มียอดการโอนเงินประมาณ 690 บาทต่อรายการ
อย่างไรก็ตามจากความคุ้นชินในการใช้ “e-Payment”เพิ่มขึ้น ส่งผลให้คนไทยหันมาทำธุรกรรมทางการเงิน ผ่าน “โมบายแบงกิง”เป็นช่องทางหลักมากขึ้น ส่งผลให้วันนี้มีธุรกรรมการเงินบนดิจิทัลจำนวนมาก
แต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า ภายใต้ e-Payment ที่เติบโตอย่างสูง ปัญหาที่ตามมาจากการทำธุรกรรมการเงินก็มีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง เพราะปัญหาเกิดจากทั้งคอขวดของระบบธุรกรรม การอัพเกรดเวอร์ชั่นใหม่ ระบบไอที การปรับปรุงระบบ หรือปัญหาจากการทำธุรกรรมที่สูงเป็นอย่างมากในบางช่วงเวลา เช่นวันหวยออก หรือช่วงสิ้นเดือน เพราะจะมีอยู่ใช้งานสูงเป็นพิเศษ
นายยศ กิมสวัสดิ์ ประธานสำนักงานระบบการชำระเงิน สมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า การทำธุรกรรมการเงินผ่านดิจิทัลวันนี้วอลุ่มเติบโตขึ้นเร็วมาก ส่งผลให้แต่ละธนาคารต้องกลับไป ทบทวน capacity ของตัวเอง
ซึ่งต้องให้แต่ละธนาคารเพิ่ม capacity ส่วนปัญหาที่ล่มบ่อยเกิดจากอะไรนั้น สาเหตุจากวอลุ่มที่เพิ่มขึ้น ทุกเดือน ดังนั้นการทำให้ระบบดิจิทัลแบงกิงไหลลื่นได้ ต้องมีการ Achitecture ต่างๆ โมบายแบงก์กิ้งบางแบงก์อาจต้องปรับปรุง เพราะอาจยังไม่ปรับปรุงเต็มที่เพราะใช้ระบบโมบายแบงก์กิ้งมานานซึ่งอาจจะมีคอขวด ตรงไหน ทางธนาคารก็ต้องเข้าไปดูอย่างละเอียด แต่ไม่เกี่ยวกับระบบกลางของ NITMX
“ปัญหาระบบล่มควรจะแก้ไขอย่างไรในภาพรวม คือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก แค่ สะดุด นิดเดียว ก็มีผลเขาต้องไปศึกษา และมั่นใจว่าดูครบที่ผ่านมาอาจจะ ดูแค่ 95% มีนิดเดียวก็ทำให้เกิดปัญหา ต้องเรียนรู้และแก้ปัญหาเหล่านี้ หลักๆที่เกิดขึ้นเพราะ Volume ใน 2 ปีหลังเพิ่มขึ้นจำนวนมากจากปี18 ตอนที่พร้อมเพย์เกิดใหม่ๆ ทรานเซกชันเดือนหนึ่งไม่กี่ล้านทรานเซกชั่น”
อย่างไรก็ตามปี 2564 ที่ผ่านมา จำนวนรายการธุรกรรมโดยรวมของระบบแบงก์ วิ่งอยู่ที่ 900 ล้านรายการ แต่กลางปีนี้ มิ.ย. เพิ่มมาเป็นกว่า 1000 รายการต่อวินาที เพิ่มขึ้นมากหากเทียบกับช่วงที่ผ่านมา
ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำขณะนี้ คือ แม้จะไม่ต้องขยายถนนเพิ่ม แต่ต้องจัดสรรทรัพยากร ให้ดี และวางถนนอย่าให้ติดขัด เป็นการแก้ไขภายในธนาคารแต่ละแห่ง