หลายๆ บริษัทปลดพนักงานเพราะเหตุนี้หรือไม่
ในอนาคตภายใน 1-2 ปีนี้ผู้เชียวชาญหลายๆ ท่านคาดการณ์ว่าโลกจะเข้าสู่ภาวะ “Recession” หรือที่เรียกว่า “ภาวะเศรษฐกิจถดถอย” อย่างไรก็ตามแน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของโลกที่เกิดภาวะเช่นนี้ แต่ครั้งนี้ต่างออกไปอย่างมาก เพราะทุกครั้งที่เกิดย่อมมีเหตุการณ์เพียงเหตุการณ์มากระทบกับเศรษฐกิจ แต่ครั้งนี้มีทั้งโรคระบาด เงินเฟ้อ สงคราม วิกฤตพลังงาน และ Supply chain ต่างๆ ที่อาจจะส่งผลให้เกิด Recession ที่หนักหน่วงกว่าที่เราเคยเจอมา
“Recession” หรือ “ภาวะเศรษฐกิจถดถอย” คือ การที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจ หรือ GDP รายไตรมาส หรือ 3 เดือน หดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส หรือ 6 เดือนติด หากย้อนไปครั้งล่าสุดที่เกิดวิกฤตทางการเงินของโลกคือประมาณ ปี 2007 สหรัฐฯ เจอ Recession มากว่า 1 ปี GDP ลดไปกว่า 6% ที่เรียกว่า วิกฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์ (Hamburger Crisis) เริ่มเกิดขึ้นที่สหรัฐอเมริกาและส่งผลกระทบต่อเนื่องไปทั่วโลก
หากเราสังเกตว่ากลุ่มบริษัทที่ปลดพนักงาน จะเป็นบริษัทที่มีอัตราการเติบโตสูง แต่ไม่มีกำไร หมายความว่า การที่เติบโตจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น พอมาดูบรรทัดสุดท้าย หรือกำไรสุทธิกลับติดลบ ไม่เห็นแม้แต่กำไร เพราะต้องใช้งบประมาณในการสร้างหรือมีต้นทุนการเติบโตที่สูง ดังนั้น ในยามที่เกิดวิกฤติหรือ เกิดภาวะทางการเงินที่ส่งผลเสียผลคนจำนวนมาก และการจะทำให้บริษัทไปต่อได้ หรือเติบโต หรือมีกำไร คือต้องเพิ่มรายได้ หรือลดรายจ่าย และเพื่อเพิ่ม “สภาพคล่อง” และด้วยความที่อยู่ในช่วงที่มีภาวะด้านลบทางเศรษฐกิจรายได้ของคนทั่วโลกย่อมลดลง กำลังซื้อย่อมหายไป ดังนั้นการจะเพิ่มรายได้คงเป็นไปได้ยาก การหันมาลดรายจ่าย จึงเป็นทางเลือกสุดท้ายที่จำเป็นต้องเลือกสำหรับริษัทที่เติบโตสูง แต่ยังไม่เห็นกำไร ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทสตาร์ทอัพ
ดังนั้น หากเราถามว่าเกี่ยวอย่างไรกับ Recession หรือไม่ คาดการณ์ว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของ Recession เท่านั้น เพราะการที่ปลดพนักงานยอมหมายความว่า บริษัทต้องการลดค่าใช้จ่าย จากรายได้ที่ลดลง ส่งผลโดยตรงต่อรายได้ และด้วยวิกฤตเงินเฟ้อ ของแพง สงครามอยู่แล้วนั้น ก็อาจจะส่งผลกระทบไปเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามการศึกษา และคาดการณ์วิกฤตต่างๆที่เคยเกิดขึ้น หรือกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต จะทำให้เราเห็นสัญญาณ และปัญหา เพื่อที่เราจะนำสิ่งต่างๆ เหล่านี้มาเตรียมตัวรับมือกับภาวะ “Recession” หรือ “ภาวะเศรษฐกิจต่างๆ”ที่จะเกิดขึ้น เพื่อใช้ช่วงเวลาเหล่านั้นหาโอกาสที่จะทำให้เรากลับมาได้ และไปไกลกว่าเดิม หากเราย้อนกลับไปดูการเติบโตของโลก ทุกครั้งที่มีวิกฤตจะตามมาด้วยการเติบโต หลายเท่าตัวในอนาคต