เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2565 ที่ผ่านมา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยข้อมูลจากการสำรวจของ เอซีไอ เวิลด์ไวด์ (ACI Worldwide) ภายใต้ความร่วมมือกับโกลบอลดาต้า (GlobalData) ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลระดับโลก และศูนย์วิจัยทางเศรษฐกิจและธุรกิจ (Centre for Economics and Business Research – CEBR)
การชำระเงินแบบเรียลไทม์ คือ การโอนและรับเงินได้ทันที สามารถทำธุรกรรมได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ไม่ได้รวมถึง Digital Payment เช่น บัตรเครดิต เป็นต้น
โดยในปี 2564 ประเทศไทยมียอดการทำธุรกรรมการชำเงินแบบเรียลไทม์อันดับ 3 ของโลก คิดเป็นจำนวน 9.7 พันล้านครั้ง และอันดับหนึ่งที่มียอดการทำธุรกรรมมากที่สุดถึง 48.6 พันล้านครั้ง คือประเทศอินเดีย รองลงมาเป็นประเทศจีนจำนวน 18.5 พันล้านครั้ง
การชำระเงินแบบเรียลไทม์นี้ช่วยเพิ่มผลผลิตทางเศรษฐกิจคิดเป็น 2.08% ของGDP ซึ่งอยู่ในอันดับ 2 จาก 30 ประเทศ ทำให้ประเทศไทยมีการชำระเงินแบบเรียลไทม์เติบโตอย่างต่อเนื่องและเป็นที่นิยมมากในผู้ประกอบการทุกขนาดและผู้บริโภคทุกวัย
ทั้งนี้โครงสร้างการชำระเงินยังเป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานโลกจากการที่ได้มีการเผยแพร่นโยบายการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ ตั้งแต่ปี 2558 ผ่านโครงการดังนี้
ซึ่งถ้าหากเทียบเปรียบจำนวนครั้งต่อประชากร จะได้ดังนี้ ประเทศไทย 139 ครั้งต่อคนต่อปี อินเดีย 34 ครั้งต่อคนต่อปี และ จีน 13 ครั้งต่อคนต่อปี เราจะสังเกตได้ว่ามีจำนวนการทำธุรกรรมต่อคนต่อปีนั้น ไม่ค่อยสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ เราลองตั้งข้อสังเกตกันครับว่าเพราะอะไร
ประเทศอินเดียมีจำนวนประชากรประมาณ 1.4 พันล้านคน มีขนาดประเทศ 3,287,263 ตารางกิโลเมตร ซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่มากๆ ทั้งในด้านประชากร และพื้นที่ ซึ่งตัวเลขจำนวนครั้งเมื่อเทียบกับการใช้งานต่อคนไม่สมเหตุสมผลอาจเกิดจากการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของประเทศอินเดีย datareportal เผยว่าประเทศอินเดียสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้มากถึง 658 ล้านคน คิดเป็น 47% คือไม่ถึงครึ่งหนึ่งของประชากรในประเทศด้วยซ้ำ และเท่าไหร่ และถึงแม้ว่ามีอินเทอร์เน็ต แต่บางคนก็อาจจะไม่ได้ใช้จ่ายผ่านอิเล็กทรอนิกส์ และอินเดียเองเป็นประเทศที่ค่อนข้างที่มีความเลื่อมล้ำสูงเป็นดับต้นๆด้วย แต่ถ้าหากมองในโอกาสการเติบโตสามารถที่จะเติบโตได้สูงเพราะยังมีคนอีกมาก ที่ยังไม่เข้าถึงบริการเหล่านี้มากกว่า50%ของคนทั้งประเทศ
ประเทศจีนมีจำนวนประชากรประมาณ 1.45 พันล้านคน มีขนาดประเทศ 9,640,011 ตารางกิโลเมตร ซึงใหญ่กว่าอินเดียประมาณ 3 เท่า ซึ่งถ้าหากเรามองในมุมการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของประเทศจีน datareportal เผยว่าประเทศจีนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้มากถึง 1.02 พันล้านคน คิดเป็น 70.9% การที่จำนวนครั้งการใช้งานต่อคนต่อปีนั้นไม่สมเหตุสมผลอาจไปไปได้ว่า ด้วยระบบเน็ตเวิร์กของจีนที่ค่อนข้างเป็นระบบปิด ดังนั้นตัวเลขที่เปิดมาอาจจะเป็นตัวเลขที่ไม่ใช่จำนวนครั้งในการใช้จ่ายภายในประเทศทั้งหมด จึงอาจทำให้ได้ข้อมูลในส่วนนี้ไม่สมเหตุลสมผลเท่าที่ควร
ประเทศไทยมีจำนวนประชากรประมาณ 70 ล้านคน มีขนาดประเทศ 513,120 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเมื่อเทียบกับทั้ง 2 ประเทศ ประเทศไทยมีขนาดเล็กกว่า ทั้ง 2 ประเทศเป็นอย่างมาก ซึ่งอาจจะไปได้ว่าด้วยจำนวนประชากร และขนาดของประเทศมีผลเป็นอย่างมากต่อการเข้าถึง ซึ่งถ้าหากเรามองในมุมการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของประเทศไทย datareportal เผยว่าประเทศไทยสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้มากถึง 54.50 ล้านคน คิดเป็น 77% เลยทีเดียว และด้วยโครงการของรัฐเองที่อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาทำให้คนส่วนใหญ่ในประเทศเลือกใช้จ่ายผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์สูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเป็นหลังจากไม่มีโครงการของรัฐ การใช้จ่ายผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์จะยังสูงเหมือนเดิมอยู่หรือไม่