Menu
อาหารยอดฮิตที่กำลังเป็นกระแสขึ้นชาร์ตมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารรูปแบบไหนก็ต้องมีรสชาติ ส่วนผสมนี้เข้ามานั้นก็คือ “หม่าล่า” หลายคนมักจะเจอตามร้านชาบูหม่าล่า ปิ้งย่างหม่าล่า แล้วรู้หรือไม่? ว่าหม่าล่าที่แท้จริงคืออะไร มาจากไหน พร้อมทั้งสรรพคุณของหม่าล่าว่ามีอะไรบ้าง
หม่าล่ามาจากอักษรภาษาจีน 2 ตัวคือ หม่า แปลว่า การทำให้ชา , ล่า แปลว่า เผ็ดฉุน เมื่อรวมกันจะหมายถึง “ความเผ็ดฉุนที่ทำให้ชา” เมื่อกินเข้าไปจะทำให้เรารู้สึดเผ็ดร้อนและชา ซึ่งหม่าล่าโด่งดังมาก ๆ และมีถิ่นกำเนิดมาจากมณฑลเสฉวน ในประเทศจีน จะนิยมนำมาเคี่ยวกับน้ำมันและทำเป็นซอสเพื่อไปปรุงในเมนูอาหารต่างๆ เพื่อให้ได้รสชาติ ไม่ว่าจะเป็นการปรุงในน้ำซุป หรือเอาไปทาบนผักและเนื้อสัตว์ จากนั้นก็นำไปปิ้งย่าง หรือจะนำไปทำเป็นก๋วยเตี๋ยวก็ได้เช่นกัน หม่าล่าจะนิยมทานในช่วงหน้าหนาว สรุปหม่าล่าก็คือ วัตถุดิบในการปรุงประกอบอาหารให้มีรสชาติที่เผ็ด ชา นั่นเอง
หม่าล่านั้นทำมาจากพริกไทยเสฉวนหรือฮวาเจียว จะมีลักษณะคล้ายกับพริกไทยบ้านเรา และรสชาติจะคล้ายกับ มะแขว่น และก็มีพริกแห้ง พริกป่น ซอสโต้วป้าน การพลู กระเทียม โป๊ยกั๊ก กระวานดำ ยี่หร่า ขิง อบเชย เกลือ และน้ำตาล โดยจะนำพริกมาทำการบดเป็นผงหม่าล่า หรือจะนำไปเคี่ยวกับน้ำมันจนกลายเป็นซอสหม่าล่า ในการในประกอบอาหารต่างๆ และอย่างที่บอกไปว่ามะแขว่นมีรสชาติคล้าย ๆ กับหม่าล่า ทำให้คนไทยหลายคนนำมะแขว่นมาประยุกต์ใช้แทนหม่าล่า ทั้งรูปร่างเม็ดเล็กๆ คล้ายฮวาเจียวและรสชาติเผ็ดที่คล้ายกัน ทำให้นิยมเอามาโรยลงในอาหารไม่ว่าจะเป็นผัด แกง หรือต้มทำซุป ก็สามารถเพิ่มความเผ็ดได้ใกล้เคียงกับหม่าล่าได้เช่นกัน
ในความเผ็ดชาก็ยังซ่อนสรรพคุณมากมายของฮวาเจียว นั่นก็คือความเผ็ดจะช่วยขับลมในลำไส้ออก แก้หวัด แก้วิง-เวียนศีรษะ นอกจากนี้ยังช่วยขับประจำเดือนสำหรับผู้หญิงอีกด้วย และในส่วนประกอบของฮวาเจียวยังช่วยเป็นยาบำรุงหัวใจ และบำรุงเลือด ยังไม่หมดแค่นั้น หม่าล่ายังทำให้ร่างกายของเรามีการเผาผลาญที่ดีและยังให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายของตัวเองอีกด้วย
ในกระแสความฮิตที่มาแรงในวงการอาหารไทย ส่วนใหญ่จะนำหม่าล่ามาเป็นส่วนผสมในรูปแบบของปิ้งย่าง เช่นการเสียบผัก เสียบหมู เสียบเนื้อ ย่างแล้วทาซอสหม่าล่า จะคล้ายๆกับการทำบาร์บีคิว และตามด้วยผงหม่าล่า เพิ่มความเผ็ดร้อน ชา ให้กับเมนู นอกจากนี้ยังนำไปทำเป็นชาบูหม้อไฟ ทอด แกง หรือสามารถใช้แทนพริกป่นบ้านเราเลยก็ได้
