จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราดื่มน้ำมากเกินไป

เรามักจะเคยได้ยิน ประโยชน์และความสำคัญของการดื่มน้ำ แล้วเคยสงสัยกันมั้ยคะว่า การดื่มน้ำนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายขนาดไหน และถ้าเราดื่มน้ำมากเกินไป ร่างกายของเราจะเป็นอย่างไรบ้าง วันนี้เอซียู เพย์ จะพาทุกคนไปดูผลลัพธ์ของการดื่มน้ำมากเกินไป จะเป็นอย่างไรไปดูกันเลยค่ะ เชื่อว่าหลายคนคงรู้กันอยู่แล้วว่า การดื่มน้ำทำให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่น สามารถกระตุ้นการทำงานของสมองและยังมีข้อดีอื่น ๆ อีกมากมาย แต่รู้หรือไม่ว่า ถ้าหากเราดื่มน้ำในปริมาณที่มากเกินไปก็สามารถส่งผลเสียให้กับร่างกายของเราได้เช่นกัน โดยการดื่มน้ำในระดับปกติจะอยู่ที่ 2 – 3 ลิตร ต่อวัน หากดื่มมากกว่านั้น จะเกิดความผิดปกติของร่างกายได้

การดื่มน้ำมากเกินไป จะเกิดผลเสียอย่างไรบ้าง

เซลล์บวม ในร่างกายของมนุษย์จะมีโซเดียม และโพแทสเซียมไอออนที่ทำหน้าที่เป็นอิเล็กโทรไลต์ในร่างกาย และรักษาสมดุลของเหลว ระหว่างเซลล์ และเลือด หากดื่มน้ำมากเกินไป น้ำก็จะเข้าไปในเซลล์และทำให้เซลล์บวมมากขึ้น(หรือที่เรียกกันว่าบวมน้ำ) จะมีอาการปวดศีรษะ ชัก และไม่รู้สึกตัว หากรุนแรงหรือรักษาไม่ทัน ก็จะมีความเสี่ยงในการเสียชีวิต

โซเดียมต่ำกว่าปกติ ค่าปกติของโซเดียมในร่างกายนั้นจะอยู่ที่ 135-145 mEg/L. แต่ถ้าหากดื่มน้ำมากเกินไป ร่างกายเสียสมดุล โดยค่าของโซเดียมนั้นจะอยู่ต่ำกว่า 135 mEq/L นี่คือภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ อาการของภาวะโซเดียมในเลือดต่ำมักจะมีอาการ คือ สับสนเพียงเล็กน้อยหรือการเป็นตะคริวที่กล้ามเนื้อ หากมีอาการรุนแรงจะมีความรู้สึกง่วงนอน และไม่รู้สึกตัวในที่สุด

กล้ามเนื้อเป็นตะคริว เมื่อร่างกายเสียสมดุลจากการดื่มน้ำมากเกินไป กล้ามเนื้อจะเกิดการหดเกร็ง และเป็นตะคริว

ไตทำงานหนัก หากดื่มน้ำครั้งละมาก ๆ ไตจะกรองน้ำส่วนเกินออกจากเลือดอย่างหนัก และจะส่งผลให้เกิดโรคไตเรื้อรังโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ ในบางรายอาจเกิดภาวะอ่อนเพลีย อาเจียน และมีอาการเครียดตามมา

หัวใจทำงานหนัก เนื่องจากน้ำเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของเลือด เมื่อดื่มน้ำเข้าไปในร่างกาย ลำไส้เล็กจะทำการออสโมซิส (Osmosis) น้ำไปในกระแสเลือด เมื่อปริมาณน้ำเข้าสู่ร่างกายเยอะ ปริมาตรเลือดก็เพิ่มสูงขึ้นจากเดิม ส่งผลให้หัวใจต้องทำงานอย่างหนักในการสูบฉีดเลือดมากยิ่งขึ้น สามารถเกิดอาการชักได้

โพแทสเซียมต่ำกว่าปกติ เมื่อได้รับน้ำมากเกินไป ทำให้ระดับของโพแทสเซียมในร่างกายต่ำลง ทำให้ความดันโลหิตต่ำ มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เสี่ยงต่อการเป็นอัมพาตได้

อาการที่เกิดขึ้นหากดื่มน้ำมากเกินไป

เข้าห้องน้ำบ่อย เพราะร่างกายพยายามที่จะขับน้ำส่วนเกินออก เพื่อรักษาสมดุลแร่ธาตุไว้ ดังนั้นผู้ที่ดื่มน้ำมากเกินไปจะปัสสาวะบ่อย และสีของปัสสาวะจะเปลี่ยนจากสีเหลืองอ่อน ๆ เป็นสีใส โดยปกติแล้วควรปัสสาวะทุกๆ 3-4 ชั่วโมง ใน 1 วัน หากมีการปัสสาวะน้อยกว่า 3-4 ครั้ง ต่อวัน และปัสสาวะเป็นสีเข้ม แสดงว่าร่างกายได้รับน้ำน้อยจนเกินไป
อาการผิดปกติของร่างกายในเบื้องต้น เช่น เวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน แต่หากมีระดับน้ำสูงอย่างต่อเนื่อง จนร่างกายบวมน้ำ จะเริ่มมีอาการสับสน ปวดหัว และอ่อนเพลียตามมา
มีอาการเกร็งกล้ามเนื้อ เป็นตะคริวบ่อยขึ้น เกิดอาการชัก เนื่องจากร่างกายเสียสมดุลในการรักษาระดับแร่ธาตุในร่างกาย หากรุนแรง อาจส่งผลให้เสียชีวิตได้

ปริมาณการดื่มน้ำที่เหมาะสมกับร่างกาย มีดังนี้

สำหรับผู้ที่อายุ 4-8 ปี ปริมาณที่ควรได้รับคือ 5 แก้วต่อวัน หรือประมาณ 1,200 มิลลิลิตร
สำหรับผู้ที่อายุ 9-13 ปี ปริมาณที่ควรได้รับคือ 7-8 แก้วต่อวัน หรือประมาณ 1,600-1,900 มิลลิลิตร
สำหรับผู้ที่อายุ 14-18 ปี ปริมาณที่ควรได้รับคือ 8-11 แก้วต่อวัน หรือประมาณ 1,900-2,600 มิลลิลิตร
สำหรับผู้หญิงที่อายุ 19 ปีขึ้นไป ปริมาณที่ควรได้รับคือ 9 แก้วต่อวัน หรือประมาณ 2,100 มิลลิลิตร
สำหรับผู้ชายที่อายุ 19 ปีขึ้นไป ปริมาณที่ควรได้รับคือ 13 แก้วต่อวัน หรือประมาณ 3,000 มิลลิลิตร

หรือสามารถคำนวณได้โดยการเอาน้ำหนักตัว (กิโลกรัม) x 2.2 x 30 หารด้วย 2 ให้หน่วยที่ได้ออกมาเป็นมิลลิลิตร เช่น น้ำหนัก 50 กิโลกรัม x 2.2 x 30 / 2 จะเท่ากับ 1,650 มิลลิลิตร เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม การดื่มน้ำไม่เพียงพอยังทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก และขับของเสียออกมาได้ยากและการดื่มน้ำมากเกินไปก็ส่งผลเสียให้กับร่างกายด้วยเช่นกัน ดังนั้นเราควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสม ให้อยู่ในระดับที่พอดีต่อร่างกายและจะส่งผลดีกับร่างกายของเราอย่างแน่นอน

อ้างอิง