เวลาเดินผ่านตึกแถวแล้วเจอที่ดินเปล่าโล่ง ๆ เคยสังเกตไหมว่าที่ดินเหล่านั้นมักจะมีต้นกล้วยหรือต้นไม้ปลูกเรียงเป็นแถวหน้ากระดานแบบแปลก ๆ แล้วไม่ใช่แค่ที่เดียว แต่เป็นแทบจะทุกที่เลย แล้วเคยสงสัยไหมว่า เขาปลูกกันทำไม มีเหตุผลอะไรหรือเปล่า วันนี้ ACU PAY จะมาเล่าให้ฟัง
โดยปกติแล้วภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มีการเก็บภาษีมากหรือน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานในที่ดินที่ต่างกันไป ซึ่งจะแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้
ที่ดินรกร้างว่างเปล่า อัตราภาษีปัจจุบัน ตั้งแต่ 0.3-0.7%
จะเห็นได้ว่าที่ดินรกร้างจ่ายอัตราภาษีสูงถึง 0.3 – 0.7% กว่า ซึ่งสูงกว่าที่ดินเกษตรกรรมอีก เพราะเหตุผลนี้เอง เจ้าของที่ดินรกร้างทั้งหลายจึงเริ่มเปลี่ยนที่ดินว่างเปล่ามาทำการเกษตร เช่น ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ และอย่างที่เราชอบเห็นต้นกล้วยปลูกเรียงกันในที่ดินเปล่านั่นแหละ เพื่อช่วยลดภาษีที่ดินให้น้อยลง ซึ่งถ้าปลูกพืชผลทางการเกษตรและพันธุ์พืชตามที่กฎหมายกำหนดก็จะเสียภาษีที่ดินเพื่อเกษตรกรรม แทนการเสียภาษีที่ดินรกร้างว่างเปล่าได้นั่นเอง
ซึ่งที่ดินเพื่อเกษตรกรรมสามารถจำแนกได้เป็น 3 ประเภท เพื่อแสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างที่ดินเพื่อเกษตรกรรมกับที่ดินรกร้างชัดเจนยิ่งขึ้นดังนี้
ในกรณีเจ้าของเป็นบุคคลธรรมดา จะได้รับเงื่อนไขยกเว้นภาษีที่ดิน 50 ล้านบาทแรก ถ้ามีส่วนเกินค่อยนำมาคิดภาษีต่อ
เพราะเหตุผลนี้เอง หลายคนจึงเลือกที่จะเปลี่ยนที่ดินรกร้างมาเป็นที่ดินเกษตรกรรม แต่ต้องปลูกพันธุ์พืชและอัตราการปลูกตามที่กฎหมายกำหนดด้วยถึงจะสามารถลดภาษีที่ดินได้ แถมยังอาจสร้างรายได้เล็ก ๆ หรือเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับพื้นที่นั้นอีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็มีข้อควรระวังเหมือนกัน สำหรับใครที่จะเปลี่ยนที่ดินเปล่ามาปลูกพืชผล เพราะการปลูกพันธุ์ไม้แต่ละชนิด อาจมีต้นทุนและการดูแลพืชผลที่ค่อนข้างสูง ควรลองเปรียบเทียบพิจารณาให้ดี ว่าค่าใช้จ่ายนี้ราคาเท่ากับการจ่ายภาษีที่ดินรกร้างปกติในแต่ละปีว่าคุ้มหรือไม่