มนุษย์เราใช้สีในการบอกความหมายในหลายสิ่งหลายอย่างทั้งอารมณ์ อุปนิสัย ฐานะทางสังคม เพศของชายและหญิงมาตั้งแต่ยุคสมัยก่อน เราจะเห็นได้ว่าในยุคสมัยปัจจุบันยังนิยมใช้สีในการแบ่งเพศของเด็กกันอยู่ โดยพ่อแม่หลายคนนิยมเล่นเกมทายเพศของลูกว่าจะเป็นเพศใด ถ้าได้ ‘สีฟ้า’ เด็กในท้องจะเป็น ‘ผู้ชาย’ ได้ ‘สีชมพู’ เป็น ‘เด็กผู้หญิง’ แต่ในยุคสมัยหนึ่งสีของเด็กชายและเด็กหญิงไม่เป็นเหมือนทุกวันนี้ เอซียู เพย์ จะพาเพื่อน ๆ ไปรู้เรื่องราวสีของเด็กชายและเด็กหญิงเองค่ะ
ค่านิยมของสีที่บอกถึงเพศของเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงนั้นเกิดขึ้นครั้งแรกในกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าคนผิวขาวหรือชาวยุโรปนั้นเอง แรกเริ่มเดิมทียังไม่ได้มีการกำหนดการใช้สีกับเพศของเด็ก ๆ โดยเด็ก ๆ ที่เพิ่งเกิดมานั้นจะถูกสวมใส่เสื้อผ้าที่เป็นสีขาวที่เหมือนกับสีของผ้าอ้อม จนกระทั่งเด็ก ๆ อายุได้ 6-7 ปี จะเริ่มมีการสวมใส่เสื้อผ้าที่มีสีสันให้แต่ยังไม่มีการแบ่งว่าเพศนี้ต้องใส่สีอะไร
ในช่วงนี้เริ่มมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของสีและเพศเข้ามา เพราะสีแดงสะท้อนถึงความกล้าหาญและแข็งแกร่ง แต่ได้มีการเพิ่มสีขาวเข้าไปผสมด้วยเพื่อลดความรุนแรงของเฉดสี และสีฟ้ามีความหมายถึงอ่อนโยนและสดใสเหมือนสีของท้องฟ้า จึงมีความเชื่อที่ว่าหากอยากให้ลูกชายเติบโตมาเป็นชายก็จงให้ลูกสวมใส่เสื้อผ้าสีชมพู และหากอยากให้ลูกสาวเติบโตมาเป็นสาวก็จงให้ลูกสวมใส่เสื้อผ้าสีฟ้า ในอีกความหมายหนึ่งคือสีชมพูเหมาะกับเด็กที่มีผมและตาสีน้ำตาล สีฟ้าเหมาะกับเด็กที่มีผมสีทองและตาสีฟ้า
ปี 1918 ในวารสารฉบับหนึ่งของ The Infants’ Department มีบทความที่มีชื่อว่า “สีชมพูหรือสีฟ้า” ในบทความนั้นเขียนไว้ว่าสีชมพูเหมาะสมกับผู้ชายมากกว่าเพราะทั้งแข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยวมากกว่า ส่วนสีฟ้านั้นอ่อนโยน จึงควรเป็นสีของเด็กผู้หญิง บทความนี้มีอิทธิพลอย่างมากจึงทำให้ผู้ชายสวมชุดสีชมพูผู้หญิงสวมชุดสีฟ้าในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในช่วงเวลานั้น
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1953 ดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ภายในงานรับตำแหน่ง มามี ไอเซนฮาวร์ ซึ่งเป็นสตรีหมายเลขหนึ่งในขณะนั้น ได้สวมชุดสีชมพูออกงาน เธอยังกล่าวอีกว่า เธอดูดีในชุดสีชมพูเพราะมันทำให้ดวงตาสีฟ้าของเธอดูสวยขึ้น นอกจากนี้เธอยังชอบสีชมพูเอามาก ๆ จนเกิดการตั้งทำเนียบสีชมพูในการต้อนรับนักข่าวอีกด้วย ประชาชนให้ความสนใจในตัวเธอมากจนเกิดการแบ่งสีเพศของเด็กหญิงและเด็กชายอีกครั้ง ในยุคนี้เองที่สีชมพูเป็นของเด็กหญิงและสีฟ้าเป็นของเด็กชาย นอกจากเรื่องของสีแล้วยังมีการแบ่งแยกของเล่นเด็กออกตามเพศอีกด้วย
ในช่วงปี 1960-1970 เป็นยุคที่มีการเรียกร้องถึงสิทธิความเท่าเทียมทางเพศกันเป็นวงกว้าง โดยมีชื่อเรียกผู้ที่เรียกร้องว่า “เฟมินิสต์” โดยผู้คนจะนิยมสวมใส่เสื้อผ้าให้เด็ก ๆ หลากหลายสีสันเพื่อแสดงออกถึงความหลากหลายและไม่ระบุเพศ จึงทำให้กระแส Unisex ได้รับความนิยมและกระแสเพศและสีจางลง
กระแสของสีที่ใช้กำหนดเพศกลับมาอีกครั้งในปี 1980 เมื่อทางการแพทย์ก้าวหน้าจนสามารถระบุเพศของเด็กในครรภ์ได้ จึงทำให้พ่อแม่กลับมาซื้อเสื้อผ้าและของใช้ต่าง ๆ เป็นสีฟ้าและสีชมพู แบรนด์ต่างๆจึงใช้โอกาสนี้ในการโฆษณาเพื่อขายสินค้า
เรื่องของสีชมพูและสีฟ้าในการกำหนดเพศเป็นค่านิยมที่มนุษย์เป็นผู้สร้างขึ้นเอง แท้จริงแล้วไม่มีสีไหนในโลกนี้ที่เป็นตัวกำหนดหรือจำกัดเพศ เสื้อผ้าเองก็เหมือนกันมันไม่มีเพศเอซียู เพย์ ขอสนับสนุนให้เพื่อน ๆ มั่นใจและอย่ากังวลที่จะสวมใส่เสื้อผ้าที่เพื่อน ๆ ชอบ และสุดท้ายนี้ให้เพื่อน ๆ ตกหลุมรักคนในกระจกเสมอ ขอให้เพื่อน ๆ ใช้ชีวิตเพื่อความสุขของตัวเองนะ
ให้ทุกเรื่องการเงินเป็นเรื่องง่าย เริ่มต้นวันดีๆ ไปกับเรา MAKE A GREAT DAY WITH ACU PAY
Cookie | Duration | Description |
---|---|---|
cookielawinfo-checkbox-analytics | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Analytics". |
cookielawinfo-checkbox-functional | 11 months | The cookie is set by GDPR cookie consent to record the user consent for the cookies in the category "Functional" |
cookielawinfo-checkbox-necessary | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookies is used to store the user consent for the cookies in the category "Necessary". |
cookielawinfo-checkbox-others | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Other". |
cookielawinfo-checkbox-performance | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Performance". |
viewed_cookie_policy | 11 months | The cookie is set by the GDPR Cookie Consent plugin and is used to store whether or not user has consented to the use of cookies. It does not store any personal data. |