ถ้าใครที่เคยแลกเงินมาก่อน จะรู้ว่าอัตราแลกเปลี่ยนจะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ผันผวนไปตามกลไกตลาดและสภาพเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ ซึ่งการที่เราจะได้เงินต่างประเทศที่ดีและคุ้มค่ามากที่สุด คือต้องเช็กค่าเงินก่อนแลกเปลี่ยนทุกครั้ง โดยเฉพาะการเปรียบเทียบอัตราแลกเปลี่ยนจากผู้ให้บริการหลาย ๆ แห่งก่อนตัดสินใจแลกเงิน ซึ่งเราสามารถเช็กง่าย ๆ ผ่านเว็บไซต์ ออนไลน์ หรือแอปพลิเคชัน เพื่อข้อมูลแบบ real time
นอกจากการเลือกสถานที่แลกเงินแล้ว เวลาในการแลกเงินก็สำคัญ ไม่แพ้กัน ซึ่งสิ่งที่ควรทำมากที่สุด คือ การรู้จังหวะว่าช่วงไหนที่อัตราแลกเปลี่ยนของประเทศที่ไปกับค่าเงินบาท (Selling Rate) อยู่ในช่วงที่ต่ำที่สุด เคล็ดลับนี้จะช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น
นอกจาก สถานที่ และเวลา ที่ควรรู้แล้ว วันที่ควรแลกก็ควรรู้ด้วยเช่นกัน ซึ่งเราควรหลีกเลี่ยงการแลกเงินในวันหยุดสุดสัปดาห์ เช่น วันเสาร์และวันอาทิตย์ เพราะตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex Market) จะหยุดทำการในช่วงวันหยุด ทำให้ในวันเสาร์และอาทิตย์ จะได้อัตราแลกเปลี่ยนของวันศุกร์แทน ซึ่งอาจมีความผันผวน
ทำให้บางร้านรับแลกเงินบวกค่าส่วนต่าง (Mark-up) เข้าไป เพื่อป้องกันการขาดทุน จากความผันผวนทางอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงวันศุกร์ ถึง วันจันทร์นั่นเอง ซึ่งถ้าเราไม่เร่งด่วนจริง ๆ ให้แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในช่วงกลางสัปดาห์จะดีที่สุด
เมื่อเห็นค่าเงินอยู่ในเรตราคาดี หลายคนอาจคิดว่าควรแลกให้เยอะเข้าไว้ แต่จริง ๆ แล้ว ถ้าเงินสกุลประเทศที่เราแลก เราไม่ได้ไปบ่อยขนาดนั้น อาจทำให้เงินที่เหลือกลับมาไม่ถูกใช้งาน แล้วพอไปแลกคืนเป็นเงินบาท ก็มักจะไม่คุ้มทุนคืน ดังนั้นสิ่งที่สำคัญคือการแลกเงินเท่าที่จำเป็น หรือถ้ากลัวว่าจะไม่พอใช้จริง ๆ ให้แลกเงินสกุลที่มีความแข็งค่าอย่าง เงิน USD หรือ EUR เผื่อเอาไว้ด้วย ก็จะช่วยให้เราขาดทุนน้อยลง
เป็นที่รู้กันว่า การหวังพึ่งไปแลกเงินในสนามบินประเทศปลายทาง อาจได้อัตราแลกเปลี่ยนสุดโหด พร้อมค่าส่วนต่างถึง 8 – 12% ไม่คุ้มเท่าแลกจากที่ไทยไปก็เป็นได้ ดังนั้นทางทีดี ให้แลกเงินจากที่ไทยให้เรียบร้อยก่อนจะออกเดินทางจะดีที่สุด
อ้างอิงจาก
ให้ทุกเรื่องการเงินเป็นเรื่องง่าย เริ่มต้นวันดีๆ ไปกับเรา MAKE A GREAT DAY WITH ACU PAY