หลังคลายล็อคดาวน์ หลากหลายประเทศก็เปิดรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น ทำให้การท่องเที่ยวและธุรกิจการเช่ารถขับเที่ยวเองในต่างประเทศกลับมาคึกคักอีกครั้ง แต่การที่จะขับรถในต่างประเทศได้นั้นต้องมี “ใบขับขี่สากล” กันก่อน เดี๋ยวเรามาทำความรู้จักใบขับขี่สากลและขั้นตอนการขอกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
ใบขับขี่สากล มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “ใบขับขี่ระหว่างประเทศ” (International Driving Permit หรือ IDP) เป็นเอกสารที่ใช้ในการยืนยันตัวตนเพื่อให้ผู้ถือสามารถขับขี่รถได้ในต่างประเทศ หรือ ดินแดนที่ไม่ใช่ประเทศบ้านเกิด จุดประสงค์เพื่อการท่องเที่ยว การไปทำงาน หรือ ไปเรียนในต่างประเทศได้อย่างถูกกฎหมาย
ใบขับขี่สากลที่ประเทศไทย ได้เข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการจราจรทางถนน แบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามอนุสัญญา 2 ฉบับ คือ “อนุสัญญาเจนีวา 1949” และ “อนุสัญญาเวียนนา 1968” โดยรายละเอียดของอนุสัญญา มีดังนี้
– อนุสัญญาว่าด้วยการจราจรทางถนน ณ นครเจนีวา ค.ศ. 1949 หรือ อนุสัญญาเจนีวา 1949 มีอายุ 1 ปี นำไปใช้ได้ใน 102 ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น เป็นต้น
– อนุสัญญาว่าด้วยการจราจรทางถนน ณ กรุงเวียนนา ค.ศ. 1968 หรือ อนุสัญญาเวียนนา 1968 มีอายุ 3 ปี นับแต่วันออกใบขับขี่สากล หรือเท่ากับอายุของใบขับขี่ภายในประเทศที่ผู้ถือมีอยู่ นำไปใช้ได้ 86 ประเทศ เช่น บาห์เรน บราซิล เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ เป็นต้น สำหรับประเทศที่เข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญา ทั้งสองฉบับ เช่น สหราชอาณาจักร อิตาลี ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ สวีเดน รวมถึงประเทศไทยสามารถใช้ใบขับขี่สากลที่ออกตามอนุสัญญาเวียนนา 1968 เพียงฉบับเดียวได้
โดยสามารถยื่นขอทำใบขับขี่สากลได้ที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 5 หรือสำนักงานขนส่งจังหวัดทุกแห่ง ทั้งนี้ การนำไปใช้ในต่างประเทศ กรมการขนส่งทางบกแนะนำว่าให้นำใบขับขี่ของประเทศไทยแสดงควบคู่กับใบขับขี่สากลด้วย
หลักฐานที่ต้องใช้ในการขอรับใบขับขี่สากลกรณีคนไทย มีดังนี้
หลักฐานที่ต้องใช้ในการขอรับใบขับขี่สากลกรณีคนต่างชาติ มีดังนี้
ใบขับขี่ไทยสามารถใช้ได้ในต่างประเทศได้ โดยไม่ต้องทำใบขับขี่สากล โดยสามารถใช้ได้ใน 9 ประเทศ ดังนี้ค่ะ
ใบขับขี่ไทยที่สามารถนำไปใช้ในประเทศที่กล่าวมาข้างต้น จะต้องเป็นแบบสมาร์ทการ์ดที่ระบุข้อมูลเจ้าของบัตรเป็นภาษาอังกฤษด้วยเท่านั้น หากเป็นใบขับขี่แบบเก่า จะต้องดำเนินการขอรับใบขับขี่แบบสมาร์ทการ์ดก่อน
อีกทั้งเจ้าของรถที่จดทะเบียนในประเทศไทย สามารถนำรถไปใช้ในกลุ่มประเทศอาเซียนได้ โดยจะต้องดำเนินการทางทะเบียนที่สำนักงานขนส่งที่รถคันนั้นจดทะเบียน เพื่อขอรับแผ่นป้ายทะเบียนภาษาอังกฤษสำหรับเข้ากลุ่มประเทศสมาชิก โดยเงื่อนไขการนำรถไปใช้ของแต่ละประเทศอาจแตกต่างกันไป
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.prd.go.th หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 1584