Menu
ปี 2566 พ้นมาหลายเดือน บางคนอาจได้เงินงอกเงยจากโบนัส หรือทำงานพิเศษอื่นๆ คงจะหาช่องทางในการทำเงินให้มันงอกเงย แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร เงินที่เรามีอยู่ในมือนั้น ควรนำมาลงทุนหรือไม่ วันนี้เรามีสาระความรู้ดีดีมาฝากสำหรับมือใหม่ที่จะก้าวเข้าสู่วงการลงทุนว่าควรจะพิจารณาจากอะไรบ้าง
ก่อนลงทุนควรพิจารณาอะไรบ้าง ?
ถ้าใครยังต้องการใช้เงินในช่วง 1-3 เดือนนี้ หรืออีก 6 เดือนข้างหน้าต้องนำไปใช้จ่าย แนะนำว่าอย่าเพิ่งลงทุนดีกว่าหรืออาจเลือกลงทุนในระยะสั้นที่ไม่มีความเสี่ยงใด ๆ เลย เช่น การฝากเงินไว้กับธนาคาร เพื่อความมั่นใจว่าเงินก้อนนี้จะไม่ขาดทุนสูญหาย หากเงินก้อนนี้เป็นเงินเหลือเก็บ ไม่ต้องนำไปใช้จ่ายกับเรื่องใด ๆ ข้อนี้ไม่มีปัญหา
เงินสำรองที่ควรมีอย่างน้อยควรมี 6 เดือนขึ้นไป ถ้ามีเงินเหลือเก็บเพียงพอจึงค่อยนำมาลงทุน เพราะเมื่อวันไหนจำเป็นต้องใช้เงินด่วนขึ้นมาจะได้ไม่เดือดร้อนไปกู้หนี้ยืมสินคนอื่นหรือถอนเงินที่ลงทุนออกมาใช้ จนตัวเองต้องเดือดร้อนหรือหมุนเงินไม่ทัน แทนที่จะงอกเงย ดันต้องเครียดเพราะต้องหาเงินมากขึ้น
ต้องมีเป้าหมายว่าเรานำเงินก้อนนี้มาลงทุนเพื่ออะไร การลงทุนนั้นจะได้คุ้มค่าแก่มูลค่าและเวลา เช่น ใช้เพื่อเรียนต่อทั้งในประเทศหรือเรียนต่อต่างประเทศ เป็นค่าเทอมให้ลูกจนเรียนจบมหาวิทยาลัย ซื้อบ้าน ต่อเติม ขยับขยายบ้าน ซื้อรถ แต่งงาน ขยับขยายกิจการ หรือ เก็บไว้ใช้ยามเกษียณ จะได้วางแผนให้เหมาะสมว่าควรกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ใด
ระยะเวลาการลงทุนก็สำคัญ เพราะมีผลต่อการเลือกสินทรัพย์ที่จะนำไปลงทุน เช่น ถ้าลงทุนได้ 2 ปี ก็อาจจะเลือกฝากประจำ ซื้อสลากออมทรัพย์ แต่ถ้าสามารถลงทุนได้นาน 10 ปีขึ้นไป ก็สามารถซื้อพันธบัตรระยะยาวได้เช่นกัน
ยิ่งผลตอบแทนสูงมาก แน่นอนความเสี่ยงและโอกาสขาดทุนย่อมมีมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน [High Risk High Return] เพราะฉะนั้นชั่งใจและไต่ตรองให้ดีๆ ถ้าวันใดวันนึงเงินที่เราลงทุนไปนั้นขาดทุนมากกว่า 50 % ขึ้นไป จะรับได้หรือไม่ แต่ถ้าใจยังไม่พร้อมที่จะรับความเสี่ยงขนาดนั้น ก็ยังมีสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำที่ปลอดภัยกว่าให้เลือก ซึ่งแน่นอนว่าผลตอบแทนก็ไม่ได้สูงมาก
ทั้งนี้ สิ่งที่ควรย้ำอีกครั้งและย้ำไว้เสมอก็คือ ก่อนลงทุนใด ๆ ควรศึกษาหาความรู้ในสิ่งที่จะลงทุนให้มาก ๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจและทำความเข้าใจรูปแบบของการลงทุนนั้น ๆ นะคะ
