fbpx
Search
Close this search box.

มหาเศรษฐีเลี่ยงภาษี แบบถูกกฎหมาย อย่างไร

เคยสงสัยกันไหมว่ามหาเศรษฐีหรือคนมีชื่อเสียงระดับโลก เขาจ่ายภาษีกันอย่างไร แล้วเพราะอะไร มหาเศรษฐีพวกนี้ถึงสามารถเสียภาษีได้ในอัตราที่ต่ำกว่าคนทั่วไป ACU PAY ได้ยกตัวอย่าง 5 วิธีแบบกว้าง ๆ ที่มหาเศรษฐีหรือเหล่าคนรวยมักใช้เพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดหย่อนภาษีในแบบฉบับที่ถูกกฎหมาย

มหาเศรษฐีจ่ายภาษีกันเท่าไหร่ ?

จากข้อมูลของ ProPublica ได้เคยเปิดเผยข้อมูลการจ่ายภาษีของมหาเศรษฐี 25 อันดับแรกของโลก พบว่ามีอัตราการจ่ายภาษีที่น้อยจนน่าตกใจ แม้ว่าบริษัทของพวกเขาจะมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลระหว่างปี 2014 – 2018 ก็ตาม

เริ่มด้วย เจฟฟ์ เบซอส มหาเศรษฐีเจ้าของ Amazon รายได้ระหว่างปี 2014 – 2018 เพิ่มขึ้นถึง 99 พันล้านดอลลาร์ แต่กลับจ่ายภาษีที่จริงอยู่ที่ 0.98% ของทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้น แถมในปี 2019 และ 2020 จากข้อมูลของ Insitute on Taxation and Economic Policy ระบุว่า Amazon จ่ายภาษีที่ 162 ล้านดอลลาร์ และ 1,800 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ ถึงจะดูเยอะแค่ไหน แต่ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้ว Amazon จ่ายภาษีอยู่ที่ 1.2% และ 9.4% เท่านั้น จากการลดหย่อนภาษีจำนวนมากจนไม่ต้องจ่ายที่อัตราเต็ม 21% 

ในส่วน อีลอน มัสก์ เจ้าของ Tesla, SpaceX และ Twitter ในระหว่างปี 2014 – 2018  มัสก์มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่เขากลับจ่ายภาษีเพียงแค่ 3.27% ของทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้น หรือเท่ากับ 455 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

ถึงแม้ว่าเมื่อปี 2021 อีลอน มัสก์ ได้ป่าวประกาศให้โลกรู้อย่างภาคภูมิใจผ่านทวิตเตอร์ว่าตนเองว่า ปีนั้นเขาได้จ่ายภาษีไปทั้งสิ้น 11,000 ล้านดอลลาร์ มากกว่าชาวอเมริกันคนไหน ๆ แต่ข้อมูลจาก Bloomberg Billionaires Index ระบุว่าในปี 2021 มัสก์มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นกว่า 121,000 ล้านดอลลาร์ แต่เขาจ่ายภาษีแค่ 9.09% ของความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น

วิธีเลี่ยงภาษีแบบถูกกฎหมายที่เหล่าเศรษฐีใช้

  1. การบริจาคเงินเข้ามูลนิธิ 

มูลนิธิเป็นเครื่องมือที่มหาเศรษฐีใช้เพื่อลดภาษีในขณะเดียวกันก็ช่วยสนับสนุนกิจกรรมทางกุศล โดยการสร้างมูลนิธิ พวกเขาสามารถบริจาคทรัพย์สินหรือเงินให้กับมูลนิธิ เพื่อลดรายได้ที่ต้องเสียภาษี มูลนิธิยังมีประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติมอีก ไม่ว่าจะเป็น การหักเงินบริจาคทางการกุศล และความสามารถในการวางแผนการบริหารจัดการทรัพย์สินเพื่อลดภาษี ซึ่งการบริจาคผ่านมูลนิธินี้เอง ทำให้มหาเศรษฐีสามารถจัดสรรทรัพยากรของตัวเอง ด้วยการทำกิจกรรมทางกุศลในขณะเดียวกันก็ลดภาระภาษีของตัวเองไปด้วย

  1. การโอนย้ายทรัพย์สิน

การโอนย้ายทรัพย์สินเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่เหล่ามหาเศรษฐีใช้เพื่อลดภาระภาษีถูกต้องตามกฎหมาย การโอนทรัพย์สินหรือเงินให้กับบุคคลหรือองค์กร ทำให้มหาเศรษฐีลดความมั่งคั่งโดยรวมของพวกเขาได้ ซึ่งจะทำให้ที่ดินที่ต้องเสียภาษีลดลง การยกเว้นภาษีให้รับ (gift tax) และจำนวนเงิน มอบโอกาสเพิ่มเติมในการลดภาระภาษี ในขณะเดียวกันก็อำนวยความสะดวกในการส่งต่อความมั่งคั่งระหว่างรุ่นสู่รุ่น กลยุทธ์การให้ของขวัญนี้เอง ที่ช่วยให้มหาเศรษฐีสามารถวางแผนทางการเงินได้และประหยัดค่าใช้จ่ายในการเสียภาษีได้อย่างมาก

  1. สำนักงานครอบครัว

Family Office หรือ สำนักงานครอบครัวนั้น เป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นมา โดยต้องมีเงินลุงทุนอย่างน้อย 100 ล้านดอลลาร์ในการจัดตั้งสำนักงานครอบครัว เพื่อใช้จัดการและเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหารเงินของเหล่ามหาเศรษฐีให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงการดูแลเรื่องทั่วไปในชีวิตประจำวัน เช่น การจองที่พัก การจัดหาผู้ช่วยส่วนตัว งานการกุศล และวางแผนภาษี 

ซึ่งการรวมกิจกรรมทางการเงินไว้ที่ศูนย์กลางและบริหารด้วยตัวเองนี้ เหล่ามหาเศรษฐีจึงสามารถควบคุมกลยุทธ์ภาษีของตัวเองได้ดีขึ้น สามารถลดภาระภาษีผ่านการจัดโครงสร้างที่ชาญฉลาด การจัดสรรสินทรัพย์ และการวางแผนอสังหาริมทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพ

นอกจากการตั้งสำนักงานครอบครัวแล้ว ในตระกูลนักธุรกิจที่มีครอบครัวใหญ่จำเป็นต้องมี ‘ธรรมนูญครอบครัว’ เพื่อสร้างข้อตกลงร่วมกันระหว่างสมาชิกในครอบครัวนั้น

 ตัวอย่างของตระกูลธุรกิจใหญ่ในไทย ที่มีการสร้างธรรมนูญครอบครัวก็คือ ตระกูลจิราธิวัฒน์ ที่เริ่มสร้างธรรมนูญครอบครัวมาตั้งแต่ปี 1997 ใช้เวลานานถึง 4 ปีกว่าจะเสร็จ ซึ่งธรรมนูญครอบครัวนี้ทำให้การบริหารบริษัทในเครือได้อย่างราบรื่นและส่งต่อให้กับทายาทมารุ่นต่อรุ่น

  1. การลงทุน

การลงทุนเชิงกลยุทธ์มีบทบาทสำคัญมากสำหรับการวางแผนภาษีของมหาเศรษฐี ด้วยการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงนี่เอง ที่ทำให้เหล่ามหาเศรษฐีสามารถใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบด้านภาษีตรงนี้สร้างผลตอบแทนจำนวนมหาศาล อย่าง การลงทุนในหุ้น อสังหาริมทรัพย์ หรือกองทุนรวม ตรงนี้ช่วยเพิ่มโอกาสในการเพิ่มมูลค่าเงินทุนและสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่อาจเกิดขึ้นได้ ด้วยการตัดสินใจลงทุนอย่างชาญฉลาดของเหล่ามหาเศรษฐี พวกเขาถึงสามารถสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว ในขณะเดียวกันก็ลดภาระภาษีโดยรวมให้น้อยที่สุด

  1. เปลี่ยนที่อยู่อาศัย  

เนื่องจากการเก็บภาษีที่สูงมากในสหรัฐอเมริกา ทำให้มหาเศรษฐีชาวอเมริกันต่างย้ายไปอยู่ในเมืองหรือประเทศที่มีการเก็บภาษีต่ำ โดยเฉพาะ เปอร์โตริโก ที่ความพิเศษอยู่ตรงที่ คนสัญชาติอเมริกันที่ย้ายมาเป็นคนสัญชาติที่นี่ สามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนสัญชาติ นั่นก็คือพวกเขาสามารถคงสัญชาติอเมริกันไว้ได้ ไม่ต้องเปลี่ยน แถมยังสามารถเลี่ยงการเสียภาษีกำไรจากการขายหุ้น รวมถึงกำไรจากเงินทุนที่มาจากสหรัฐฯ ให้กับรัฐบาลกลางสหรัฐฯ และยังไม่ต้องจ่ายเงินดอกเบี้ยและเงินปันผลที่ได้จากเปอร์โตริโกด้วย

นอกจากนี้ประเทศที่เก็บภาษีแพงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอย่าง นอร์เวย์ เมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา หลังรัฐบาลนอร์เวย์มีมติขึ้นภาษีความมั่งคั่ง หรือภาษีคนรวยทำให้มีมหาเศรษฐีชาวนอร์เวย์มากกว่า 30 คนพากันย้ายออกจากประเทศ โดยพวกเขาย้ายหลักแหล่งไปอยู่ในประเทศที่เก็บภาษีต่ำกว่าแทน

จะเห็นได้ว่ามหาเศรษฐีก็มีวิธีทางกฎหมายต่าง ๆ เพื่อช่วยลดภาระภาษีหลายแสนล้านดอลลาร์ ไม่ว่าจะเป็น การสร้างมูลนิธิ การให้ของขวัญ การใช้สำนักงานครอบครัว การลงทุน และการย้ายที่อยู่ถาวร ด้วยวิธีการเหล่านี้เอง จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมหาเศรษฐีถึงสามารถจัดการทรัพย์สินและลดการจ่ายภาษีแบบเต็มหน่วยได้

บทความที่เกี่ยวข้อง

เพื่อนๆ สามารถติดตาม ACU PAY Thailand ผ่านช่องทางการติดตามอื่นๆ ได้ที่