มนุษย์เงินเดือนที่จ่ายประกันสังคมกันเป็นประจำ หากต้องการเกษียณเร็ว อยากออกจากงานก่อนอายุ 55 สามารถทำเรื่องของคืนเงินประกันสังคมได้หรือไม่ ครั้งนี้ ACU PAY จะพาไปหาคำตอบนี้กัน
ก่อนจะมาหาคำตอบ มาทำความเข้าใจก่อนว่าเงินสมทบที่จ่ายไปทุกเดือนนั้น ประกันสังคมนำเอาใช้ทำอะไรบ้าง ยกตัวอย่าง สำหรับมาตรา 33
เงินสมทบ 5% ของเงินเดือน จะถูกแบ่งเป็น 3 ส่วน
ส่วนที่ 1 จำนวน 3 % สงเคราะห์บุตร และ ชราภาพ
ส่วนที่ 2 จำนวน 1.5% เจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ ทุพพลภาพ คลอดบุตร และเสียชีวิต
ส่วนที่ 3 จำนวน 0.5 % ว่างงาน
โดยเงินที่จะได้คืนจากประกันสังคมนั้น เรียกว่า “เงินชราภาพ” ไม่ใช่เงินจำนวนทั้งหมดที่ส่งไปให้ประกันสังคม ซึ่งมีวิธีคิดคำนวณเงินชราภาพที่แต่ละคนจะได้แตกต่างกันไปตามมาตรา 33 มาตรา 39 มาตรา 40 ระยะเวลาการส่งเงินสมทบ และฐานเงินเดือนก็มีผลต่อการคำนวณเช่นกัน
เงินชราภาพจะได้คืนก็ต่อเมื่อเข้าเงื่อนไขดังนี้
คำตอบ คือ ยังไม่ได้ ไม่ว่าจะส่งเงินสมทบมาแล้วกี่เดือน กี่ปีก็ตาม ซึ่งการจะขอคืนเงินประกันสังคม ก่อนอายุ 55 ปีบริบูรณ์ได้นั้นต้องเข้าเงื่อนไขข้อยกเว้น 2 กรณีต่อไปนี้เท่านั้น
โดยเงินที่ได้รับทั้ง 2 กรณีจะเป็น “เงินบำเหน็จชราภาพ” ไม่ใช่ “เงินบำนาญชราภาพ” ถึงแม้ว่าจะส่งเงินสมทบครบ 15 ปีแล้วก็ตาม
ตอบว่า เป็นไปได้ เนื่องจากเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2565 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพ 3 ประเด็น หรือที่เรียกว่า 3 ขอ : ขอเลือก, ขอคืน และขอกู้ โดยมีรายละเอียดคือ
ปัจจุบันผู้ประกันตนไม่สามารถเลือกได้ว่าจะรับเงินแบบไหน เพราะกฎหมายให้คำนวณจากจำนวนปีที่ส่งเงินสมทบเป็นเกณฑ์ว่า ถ้าส่งเงินสมทบไม่ครบ 180 เดือน หรือ 15 ปี ก็จะได้ ‘เงินบำเหน็จ’ แต่ถ้าส่งเงินสมทบตั้งแต่ 180 เดือน หรือ 15 ปี ขึ้นไป ถึงจะได้รับ ‘เงินบำนาญ’ เลือกได้แค่อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น
ในกรณีเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ สาธารณภัย หรือเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกันตน ก็สามารถนำเงินสะสมกรณีชราภาพบางส่วนออกมาใช้ก่อนครบกำหนดอายุ 55 ปีบริบูรณ์ได้ ซึ่งการได้รับเงินบางส่วนก็มีข้อดีคือ สามารถบรรเทาความเดือดร้อนทางการเงินได้ แต่มีข้อเสียคือ ถ้ารับเงินล่วงหน้าไปแล้ว เงินบำเหน็จหรือบำนาญจะเหลือน้อยลง
การขอกู้สามารถช่วยให้คนที่ได้รับความเดือดร้อนทางการเงิน และไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สามารถยื่นขอกู้ธนาคารได้ แต่ก็ต้องระวัง ถ้าหากผู้ประกันตนไม่ผ่อนชำระเงินคืนธนาคารตามกำหนด อาจถูกยึดหลักทรัพย์ค้ำประกัน และต้องถูกปรับลดเงินบำเหน็จหรือบำนาญลงตามจำนวนเงินที่นำไปค้ำประกัน
ซึ่งตอนนี้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติในหลักการเรียบร้อยแล้ว แต่กำลังอยู่ในขั้นตอนการเร่งดำเนินการทางกฎหมาย สามารถติดตามข่าวสารความคืบหน้าได้จากประชาสัมพันธ์ของสำนักงานประกันสังคมต่อไป
ประชาชนทั่วไปสามารถตรวจสอบได้ด้วยตัวเองว่า มีเงินชราภาพสะสมกับประกันสังคมเท่าไรแล้วบ้าง ผ่าน 3 ช่องทาง เช่น