fbpx
Search
Close this search box.

รีไฟแนนซ์กับรีเทนชั่นแบบไหนดอกเบี้ยถูกกว่า?

โดยปกติแล้วเมื่อทำการผ่อนบ้านครบ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยจะเริ่มปรับสูงขึ้น เราจึงควรไปหาธนาคารเพื่อขอรีไฟแนนซ์หรือรีเทนชั่นปรับอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำลง แล้วเคยสงสัยไหมว่า การรีไฟแนนซ์หรือรีเทนชั่นที่เขาว่าคืออะไร ต่างกันอย่างไร แล้วแบบไหนดีกว่า วันนี้ ACU PAY จะมาสรุปให้ดูกัน 

รีไฟแนนซ์คืออะไร

รีไฟแนนซ์ (Refinance) คือการขอลดอัตราดอกเบี้ยบ้าน คอนโด เมื่อผ่อนชำระครบ 3 ปี โดยจะต้องขอสินเชื่อกับธนาคารหรือสถาบันการเงินใหม่ เพื่อให้ได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า รวมถึงค่าผ่อนบ้านต่อเดือนที่น้อยลงอีกด้วย

ข้อดีของรีไฟแนนซ์ : 

  • ได้อัตราดอกเบี้ยในเรทต่ำ
  • สามารถเปรียบเทียบเลือกอัตราดอกเบี้ยในเรทต่ำได้หลายธนาคาร

ข้อเสียของรีไฟแนนซ์ :

  • ต้องยื่นเรื่องเตรียมเอกสารการขอกู้ใหม่ทั้งหมด
  • มีค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่าย เช่น
    ▸ การจัดการสินเชื่อตามสัญญาใหม่ 0-3%
    ▸ ค่าธรรมเนียมในการจำนอง 1%
    ▸ ค่าอากรแสตมป์ 0.05%
    ▸ ค่าประเมินราคาหลักประกัน 0.25-2%
    ▸ ค่าประกันอัคคีภัย
  • มีระยะเวลาในการอนุมัติ

ขั้นตอนการยื่นเรื่อง

ติดต่อธนาคารที่ต้องการรีไฟแนนซ์ ขอเสตรทเมนต์การชำระเงิน เตรียมเอกสารไม่ต่างกับการกู้บ้าน เอาเอกสารไปยื่น แต่ต้องเช็กว่าธนาคารมีเงื่อนไขการผ่อนอย่างไร บางทีรอ 3 ปี หรือ 6 – 7 ปี

รีเทนชั่นคืออะไร

รีเทนชั่น (Retention) คือ เมื่อผ่อนชำระครบ 3 ปีแล้ว สามารถเจรจาต่อรองขอลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ กับธนาคารหรือสถาบันการเงินเดิมที่ได้เคยทำเรื่องกู้ยืมไว้ ซึ่งจะทำเรื่องได้ก็ต่อเมื่อเป็นลูกหนี้ชั้นดี มีประวัติชำระหนี้ตรงเวลา ไม่เคยเข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือของรัฐ เรียกว่าเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าในส่วนของดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคารได้นั่นเอง
ข้อดีของรีเทนชั่น :

  • ไม่ต้องยื่นเรื่องกู้ทำเอกสารใหม่ 
  • ไม่ต้องเสียค่าจดจำนองใหม่, ค่าประกัน, ค่าตรวจเครดิตต่าง ๆ ซึ่งถ้าขอครบ 3 ปีสามารถทำได้อีก แต่บางธนาคารอาจเสียค่าธรรมเนียม 1-2% ของยอดวงเงินกู้เดิม หรือวงเงินที่เหลือแล้วแต่กำหนด
  • ระยะเวลาในการอนุมัติรวดเร็ว

ข้อเสียของรีเทนชั่น :

  • ไม่สามารถปรับลดจำนวนยอดผ่อนได้ ทำได้แค่ลดอัตราดอกเบี้ย 
  • ได้ลดอัตราดอกเบี้ยไม่เยอะ โดยอัตราดอกเบี้ยจะเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

ขั้นตอนการยื่นเรื่อง

เตรียมเอกสาร สัญญาเงินกู้ ทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประชาชนของเราเท่านั้น ส่วนระยะเวลาในการพิจารณาก็ไม่นาน เพราะธนาคารมีประวัติการผ่อนชำระของเราอยู่แล้ว ถ้าเคยขอรีเทนชั่นไปแล้ว ต้องรออย่างน้อย 3 ปี ขึ้นอยู่กับธนาคาร ถึงจะขอรีเทนชั่นซ้ำได้อีกครั้ง

รีไฟแนนซ์กับรีเทนชั่นแบบไหนดอกเบี้ยถูกกว่า ?

ถ้าให้เปรียบเทียบอาจต้องดูวัตถุประสงค์ว่าต้องการแบบไหน ถ้าต้องการความสะดวกในการขอลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เช่น ไม่ต้องเสียเวลาทำเอกสาร ค่าใช้จ่ายน้อย ใช้ระยะเวลาสั้น ๆ ก็ให้เลือกการ “รีเทนชั่น” แต่ถ้าอยากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่หลากหลาย ต้องการลดค่างวด ผ่อนชำระน้อยลง หรือผ่อนเท่าเดิมแต่เป็นเงินต้นสูงขึ้นก็ให้เลือกการ “รีไฟแนนซ์” ถึงอย่างนั้นก่อนจะเลือกวิธีไหนก็ควรเลือกเงื่อนไขที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุด อาจลองเปรียบเทียบดอกเบี้ยของรีเทนชั่น ก่อนจะทำการรีไฟแนนซ์กับธนาคารก่อนก็ได้

สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเลือกวิธีการรีเทนชั่นหรือรีไฟแนนซ์ จุดประสงค์หลักที่เหมือนกันเลยคือ ต้องการผ่อนชำระหนี้บ้านแต่ละเดือนด้วยจำนวนเงินที่ลดลง แนะนำให้ศึกษารายละเอียดให้มั่นใจก่อนว่าวิธีนั้นจะเป็นวิธีที่คุ้มค่าที่สุด และเลือกธนาคารให้ดีเหมาะสม มีเงื่อนไขตรงกับที่ต้องการจะดีที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

เพื่อนๆ สามารถติดตาม ACU PAY Thailand ผ่านช่องทางการติดตามอื่นๆ ได้ที่