fbpx
Search
Close this search box.

วิวัฒนาการ"การใช้เงิน"จากยุคก่อนประวัติศาสตร์ สู่ดิจิทัล"

วันนี้มาเรื่องสาระความรู้เบาๆกันบ้าง จะเป็นประวัติศาสตร์เล็กๆน้อยเกี่ยวกับ “เรื่องการใช้เงิน” ว่ามวลมนุษยชาติตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบันนั้นมีวิวัฒนาการอย่างไรบ้าง

ระบบการแลกเปลี่ยนแบบของต่อของ (barter system)

คือ การแลกเปลี่ยนของตามที่ตกลงกัน เช่น เอาไข่ 2 ใบ ไปแลกกับแอปเปิ้ล 3 ลูก โดยเป็นการนำผลผลิตทางการเกษตรมาแลกกันตามวัฒนธรรมหรือของพื้นถิ่น โดยไม่มีรัฐบาลมากำหนด เป็นการแลกเปลี่ยนตามความพอใจของทั้ง 2 ฝ่าย แต่อาจมีข้อจำกัดคือ สิ่งของนี้ต้อแลกด้วยสิ่งของนี้เท่านั้น ถ้าเกิดช่วงนั้นผู้ที่จะมาแลกเปลี่ยนกับเราไม่มีของ ก็ทำให้เราไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้ ทำให้สินค้าเกิดการเน่าเสียได้

เหรียญโลหะ (metal coins) และ หอยเบี้ย (shell money)

เรียกว่ามาแก้ปัญหาของต่อของ (barter system) สมัยโบราณหอยเบี้ยถูกนำมาใช้เป็นสื่อกลางในการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างชุมชน ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากทั้งในและต่างประเทศ ตั้งแต่แถบเมโสโปเตเมีย ในบริเวณรอบทะเลสาบ Carribean แอฟริกาตะวันตก และประเทศ Papua New Guinea ยุคโรมัน เพราะเหรียญนั้นเป็นเหรียญที่ทำมาจากเงิน เหตุผลที่ทำมาจากเงินเนื่องจากหายากและปลอมแปลงได้ยาก ส่วนเงินไทยที่คุ้นเคย ได้แก่ เงินพดด้วง เงินหอยเบี้ย

เงินกระดาษ และ ธนบัตร (paper money)

หลักฐานทางประวัติศาตร์ มีปรากฎว่าจีนเป็นชนชาติที่คิดค้นเงินกระดาษมาชาติแรก ซึ่งก็มาแก้ปัญหาเงินเหรียญเช่นกัน เนื่องจากเงินเหรียญหนักและถ้ามีเป็นจำนวนมากทำให้ไม่สะดวกต่อการขนส่งหรือพกพา จนมีนักเดินทางชาวอิตาเลียน มาร์โค โปโล เดินทางไปยังมองโกเลีย ก็เลยนำแนวคิดเรื่องเงินกระดาษกลับไปยังยุโรป สำหรับชนชาติแรกในยุโรปและอาจจะเป็นของโลกที่เป็นต้นแบบเงินกระดาษที่เรียกว่า ธนบัตร แบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบันคือประเทศสวีเดน จนแพร่หลายไปทั่วยุโรปและเป็นต้นแบบการผลิตธนบัตรในทั่วโลกในปัจจุบัน

ยุคบัตรเครดิต

จุดเริ่มต้นคือ นาย แฟรงค์ แมคนามารา ได้ร่วมมือกับทนายความ นาย ราล์ฟ ชไนเดอร์ ในการสร้างบัตร ไดเนอร์สคลับ ขึ้นมาเพื่อใช้ในการซื้อสินค้าและบริการแทนการชำระเงินสด ภายหลังได้มีบริษัท American Express และ Visa ได้ออกบัตรเครดิต เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่จะต้องเดินทางไปต่างประเทศ โดยไม่จําเป็นต้องพกเงินสดเป็นจำนวนมาก จนได้แพร่หลายไปทั่วโลกจนถึงปัจจุบันนี้ ทั้งยังเป็นการบ่งบอกฐานะ ขอผู้ถือบัตรในระดับต่างๆ ให้ผู้ถือรู้สึกถึงสิทธิพิเศษและเป็นคนพิเศษในการเป็นลูกค้าของบัตรนั้นๆ

ยุค Online banking และ E-wallet

จุดเริ่มต้นมาจากธนาคารต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกา ได้เริ่มมีการศึกษาในระบบ online banking เพื่อเป็นประโยชน์แก่ธนาคาร และประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ธนาคารคาดหวังว่าระบบ online banking จะสามารถลดต้นทุนในการบริการธนาคารได้มาก และในปี 1995 ธนาคารใหญ่หลายแห่งในสหรัฐอเมริกา เช่น Wells Fargo และ Bank of America ได้เริ่มเปิดบริการบนอินเทอร์เน็ต โดยลูกค้าสามารถดูข้อมูลส่วนบุคคลบนอินเทอร์เน็ต สมัครสินเชื่อ และชำระค่าสินค้า หรือค่าบริการได้ จนทุกวันนี้เรียกได้ว่าได้แพร่หลายไปทั่วโลก ไม่เพียงแต่ใช้ภายในประเทศเท่านั้น เรียกได้ว่าบาง E-wallet ใช้ได้ข้ามประเทศ โดยไม่ต้องแลกเงินสกุลประเทศนั้นๆให้ยุ่งยาก  ได้เรทตามวัน สะดวกสบายปลอดภัย ไม่ถูกเสี่ยงโจรกรรมอีกด้วย

บทความที่เกี่ยวข้อง

เพื่อนๆ สามารถติดตาม ACU PAY Thailand ผ่านช่องทางการติดตามอื่นๆ ได้ที่