เช็กก่อนใช้!! วันหมดอายุเครื่องสำอาง

1. สามารถเช็กได้จากเว็บไซต์ด้วยเลขบาร์โค้ด เครื่องสำอางที่เราใช้ประจำจะมีเลขโค้ดที่ปั้มมาไว้ให้อยู่ที่ตัวผลิตภัณฑ์ โดยสามารถเอาตัวเลขนี้ไปกรอกลงได้ที่เว็บไซต์ checkcosmetic.net โดยเลือกแบรนด์ที่ต้องการและทำการเช็กได้เลยว่าเครื่องสำอางตัวนี้หมดอายุหรือยัง? อีกทั้งวิธีนี้ยังเช็กได้อีกด้วยว่าเครื่องสำอางและสกินแคร์ที่เราซื้อมาของแท้หรือไม่  (สามารถเช็กได้เฉพาะแบรนด์ที่เว็บไซต์มีรายชื่อเท่านั้น)

2. ตรวจสอบสัญลักษณ์บนเครื่องสำอางและสกินแคร์ จะเป็นสัญลักษณ์ที่ขึ้นต้นด้วยตัว “M” โดยจะระบุอยู่ที่ฉลากของสกินแคร์หรือกล่องเครื่องสำอาง โดยจะเป็นการบอกว่าหลังจากที่เปิดใช้ครั้งแรก สามารถใช้ต่อได้อีกกี่เดือน เช่น 3M หมายถึง ควรใช้ให้หมดภายใน 3 เดือน หรือ 12M หมายถึงควรใช้ให้หมดภายใน 1 ปี นอกจากวันหมดอายุที่ต้องดูแล้วสัญลักษณ์บอกอายุก็สำคัญ เพราะฉะนั้นลองตรวจเช็กกันดูนะ

3. ตรวจสอบวันผลิตและหมดอายุ เป็นสิ่งที่ควรต้องตรวจเช็กไม่ใช่แค่เครื่องสำอางหรือสกินแคร์เท่านั้น โดยจะมีตัวย่อคือ MFG หมายถึง วันผลิต , EXP หมายถึง วันหมดอายุ จะติดอยู่ที่กล่องฉลากของเครื่องสำอาง สกินแคร์ แนะนำให้เลือกซื้อเครื่องสำอางหรือสกินแคร์ที่มีอายุไม่เกิน 2 ปี หรือถ้าใครเผลอทิ้งกล่องไปแล้วแนะนำให้ลองเช็กตาม 2 ข้อด้านบน

4. นับจากวันที่เริ่มเปิดใช้งาน

• ในหมวดหมู่ของสกินแคร์ แนะนำให้เก็บให้พ้นจากแสงแดด หรือเก็บไว้ในอุณหภูมิที่ไม่เกิน 35 องศา หรือถ้าหากยังไม่เคยเปิดใช้งานสามารถเก็บไว้ได้นานตามวันบอกหมดอายุ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก่อนเอาออกมาใช้ควรดูสีครีม เนื้อสัมผัส กับกลิ่นก่อนว่าใช้ได้หรือไม่ ในหมวดสกินแคร์จะมีอายุการใช้งานดังนี้
  • โทนเนอร์ 12 เดือน
  • ครีมบำรุงผิว 12 เดือน
  • เซรั่ม 12 เดือน
  • ครีมกันแดด 6 – 12 เดือน
  • อายครีม 6 เดือน
  • มอยส์เจอไรเซอร์ 12 เดือน
• ในหมวดหมู่เครื่องสำอาง แนะนำให้เก็บพ้นจากแสงแดดเช่นกัน หรือควรเก็บในอุณหภูมิที่ไม่เกิน 35 องศา ทั้งนี้ควรทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าและฟองน้ำทุกอาทิตย์เพื่อลดการสะสมของฝุ่นได้อีกด้วย และในหมวดเครื่องสำอางจะมีอายุการใช้งานดังต่อไปนี้ 
  • คุชชั่น 6 เดือน
  • แป้งพัฟฟ์ 24 เดือน
  • บลัชออน 12 เดือน
  • ลิปสติก 12 – 24 เดือน
  • อายไลเนอะ 6 เดือน
  • อายแชโดว์ 12 – 24 เดือน
  • รองพื้น 12 – 18 เดือน