การเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะในด้านสภาวะเศรษฐกิจถดถอย โรคระบาด หรือปัญหาส่วนบุคคลต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการเงิน ความมั่นคงด้านรายได้ เริ่มจากปัญหาเล็กสู่ปัญหาใหญ่ จนมีผลกระทบด้านอารมณ์และจิตใจ เกิดเป็นความเครียดสะสม เมื่อถึงทางตัน อยากปรึกษาใครสักคนที่เข้าใจสุขสภาพใจและสุขภาพเงินในกระเป๋า นักบำบัดการเงิน หรือ ‘Financial Therapy’ ช่วยคุณได้
ทุกคนต่างมีความกังวลเกี่ยวกับเงินเป็นบางครั้งบางคราว แต่สำหรับบางคนอาจรู้สึกล้มเหลว และสิ้นหวัง ไม่ว่าจะจากจำนวนเงินในกระเป๋าที่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการพื้นฐานของตัวเองได้ หรือความล้มเหลวในหน้าที่การงาน จนความรู้สึกนั้นพัฒนาเป็นการสูญเสียความเคารพในตัวเอง เกิดเป็นภาวะวิตกกังวลจากการเงิน หรือ “Financial anxiety” สภาวะความวิตกกังวลที่สามารถได้รับการกระตุ้นจากหลายปัจจัย ผู้คนที่เผชิญกับภาวะนี้จะมีความกังวลอย่างมาก ไม่อยากทำอะไร สิ้นหวังกับชีวิต หรือกลัวแม้แต่จะมองบิลหรือยอดคงเหลือในบัญชีธนาคาร อาจเกิดขึ้นบ่อยกับคนวัยเกษียณที่จะต้องพึ่งพาเงินจากคนรอบตัวเพราะไม่สามารถสร้างรายได้ให้ตัวเองได้เต็มที่
เมื่อมีจำนวนผู้ที่วิตกกังวลเรื่องการเงินเพิ่มมากขึ้น จึงเกิดเป็นการก่อตั้ง Therapy Association (FTA) ขึ้นในสหรัฐอเมริกา ปี 2009 มีการรวบรวมบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับทั้งศาสตร์ของจิตวิทยา และการเงินมาเจอกัน โดยพวกเขาเข้ามาศึกษา ทดลอง และวิจัยกับ Financial Therapy จนเกิดเป็นวิจัยที่ชื่อว่า The Journal of Financial Therapy จนปัจจุบันนักบำบัดการเงินกลายเป็นที่รู้จักและมีผู้คนเข้ามารับคำปรึกษาเพิ่มมากขึ้น
หลายคนอาจสับสนระหว่าง นักบำบัดการเงิน กับ นักปรึกษาการเงิน ว่าสองอาชีพนี้ต่างกันอย่างไร ความจริงแล้วหน้าที่ของสองอาชีพนี้แตกต่างกันมาก เพราะนักปรึกษาการเงินจะเน้นการให้คำปรึกษาและช่วยวางแผนทางการเงิน ไปจนถึงการขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่าง ๆ กลับกัน นักบำบัดการเงินจะเป็นผู้ที่คอยช่วยให้ผู้รับคำปรึกษาเข้าใจถึงอารมณ์ ความรู้สึก ต้นต่อของปัญหา และพฤติกรรมของตนเอง ให้สภาพจิตใจสามารถกลับมาพร้อมจัดการกับปัญหาการเงินของตัวเองมากขึ้น
น่าเสียดายที่ปัจจุบันนักบำบัดการเงินส่วนใหญ่มีให้บริการอยู่ในสหรัฐอเมริกา ผ่านบริการเว็บไซต์ของ FTA โดยมีค่าใช้จ่ายตามการปรึกษาแต่ละครั้ง อย่างไรก็ตาม ACU PAY มีทางเลือกอื่นในการรับมือกับปัญหาสุขภาพจิตจากการเงินมาฝาก ซึ่งมีด้วยกัน 4 ขั้นตอน ดังนี้
1. วางแผนเพื่อให้ดี มีวินัยตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน
เริ่มต้นวางแผนการเงินด้วยการตั้งเป้าหมายในแต่ละครั้ง ว่าต้องการออมเงินเท่าไหร่ บริหารสัดส่วนการใช้เงินของตัวเองให้ดีและมีเงินสำรองฉุกเฉินไว้เสมอ
2. รู้จักสภาพคล่องทางการเงินของตัวเอง
รู้จักการจดบันทึกรายรับรายจ่าย เพื่อจะได้รู้ว่ารายรับแต่ละเดือนมีเท่าไหร่และรายจ่ายใช้ไปเท่าไหร่ ซึ่งถ้ามีสภาพคล่องทางการเงินดี ก็สามารถหมุนเงินในการใช้จ่าย มีเงินเหลือเก็บ และไม่ต้องไปเป็นหนี้สิน
3. ใช้แอปพลิเคชันให้เป็นประโยชน์
เทคโนโลยีช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นมาก สามารถใช้แอปพลิเคชันการเงินในโทรศัพท์ เป็นตัวช่วยในการจัดการบริหารเงิน ซึ่งจะง่ายต่อการจดบันทึกมาก
4. เปิดใจพูดคุยปัญหา
บางครั้งก็เป็นเรื่องที่ดี ถ้าเราได้เปิดอกคุยปัญหาการเงินของตัวเองกับใครสักคนที่ไว้ใจ แฟน เพื่อน หรือพ่อแม่ แต่ถ้ารู้สึกว่าต้องการพบผู้เชี่ยวชาญ แนะนำให้ปรึกษากับนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์โดยตรง ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกปรึกษาทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ตามสะดวก
Cookie | Duration | Description |
---|---|---|
cookielawinfo-checkbox-analytics | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Analytics". |
cookielawinfo-checkbox-functional | 11 months | The cookie is set by GDPR cookie consent to record the user consent for the cookies in the category "Functional" |
cookielawinfo-checkbox-necessary | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookies is used to store the user consent for the cookies in the category "Necessary". |
cookielawinfo-checkbox-others | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Other". |
cookielawinfo-checkbox-performance | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Performance". |
viewed_cookie_policy | 11 months | The cookie is set by the GDPR Cookie Consent plugin and is used to store whether or not user has consented to the use of cookies. It does not store any personal data. |