“ปัญหาหนี้สาธารณะ” กลายเป็นปัญหาที่น่ากังวลสำหรับคนไทยทั้งประเทศ เมื่อเดือนที่ผ่านมาได้มีวิจัยวิเคราะห์แนวโน้มออกมาว่า ประเทศไทยจะมีโอกาสแตะเพดานหนี้สาธารณะสูงถึง 70% ต่อ GDP ภายใน 10 ปี
เมื่อเดือนที่ผ่านมา KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ได้ออกมาเผยแพร่งานวิจัยเกี่ยวกับ ปัญหาหนี้สาธารณะไทยว่า รัฐบาลไทยจะเผชิญความท้าทายเพิ่มขึ้นจากระดับหนี้ที่ปรับสูงขึ้นมากหลังวิกฤตโควิด-19 และการขาดดุลทางการคลังเชิงโครงสร้างตลอด 15 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีแนวโน้มจะแย่ลงจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้นและการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ รวมทั้งศักยภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยที่มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง
จากข้อมูลของ KPP Research รัฐบาลไทยมีการ ‘ขาดดุลการคลังเชิงโครงสร้าง’ หรือมีรายรับน้อยกว่ารายจ่ายอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 15 ปี โดยขาดดุลการคลังทั้งหมดเฉลี่ยต่อปีที่ 2.8% ของ GDP และทำให้หนี้สาธารณะของไทยเติบโตขึ้นทุกปี ปีละประมาณ 7 – 8%
โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยมีปัญหาหนี้สาธารณะมี 3 ประการ คือ
ประสบการณ์ในอดีตของหลายประเทศชี้ให้เห็น ว่าการหละหลวมในการบริหารการคลังและการไม่แก้ไขปัญหาอย่างจริงจังให้ทัน จะส่งผลให้เกิดปัญหาหนี้สาธารณะที่สูง และอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจได้ 3 ด้าน ได้แก่
งานวิจัยของ KKP Research ชี้ว่า นโยบายการให้เงินอุดหนุน ที่ถึงแม้ว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระยะสั้น แต่กลับสร้างภาระระยะยาวให้กับรัฐ อย่าง ภาระทางการคลังและหนี้สาธารณะ ซึ่งทำให้การปรับลดระดับหนี้สาธารณะในอนาคตทำได้ยากขึ้น
โดย KKP Research ได้คำนวณว่า การดำเนินนโยบายแจกเงินอุดหนุนนี้ จะส่งผลให้ระดับหนี้สาธารณะแตะระดับเพดานหนี้ 70% ภายในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี
จะเห็นได้ว่า รัฐบาลไทยกำลังจะเผชิญความท้าทายมากขึ้นในการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะ โดยนอกจากระดับหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้นหลังวิกฤตโควิด-19 และปัญหาสังคมผู้สูงอายุที่จะมาซ้ำเติมการขาดดุลการคลังเชิงโครงสร้างแล้ว ศักยภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยที่มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องจะยิ่งทำให้ปัญหาหนี้สาธารณะของไทยเลวร้ายลงไปอีก
ความท้าทายทั้งหมดนี้คือสิ่งที่รัฐบาลใหม่ต้องหาทางลดหรือควบคุมหนี้สาธารณะให้อยู่ใต้เพดานใหม่ที่กำหนด ในขณะเดียวกันก็หาทางนำเงินที่มีไปลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้รัฐบาลสร้างรายได้ได้อย่างยั่งยืน และลดการพึ่งพาการกู้เงิน
สุดท้ายแล้วปัญหาหนี้สาธารณะอาจมาเร็วกว่าที่คิด และการแก้ปัญหาก็อาจใช้เวลานานกว่าที่หลายคนคาดเช่นกัน