fbpx
Search
Close this search box.

สุดแปลก! “โรคกลัวความรวย” แบบนี้ก็มีด้วย

ได้ฟังครั้งแรกก็งง ใครๆก็อยากรวยอยู่แล้ว ในทางกลับกันถ้า “โรคกลัวความจน” น่าจะมีจริงมากกว่า ฟังดูอาจจะเหลือเชื่อและดูแปลก แต่ขอบอกว่าโรคนี้มีอยู่จริงๆ บางคนอาจจะนึกไม่ออกว่า ความรวยมันน่ากลัวตรงไหน เอาเป็นว่าเราค่อยๆ ทำความรู้จักโรคกลัวแปลกๆ โรคนี้กัน

Plutophobia โรคกลัวความมั่งคั่งร่ำรวย

Plutophobia เกิดจาก 2 คำ ได้แก่ Pluto เป็นชื่อเทพเจ้ากรีกซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความร่ำรวย มีอำนาจ ส่วน phobia เป็นความกลัวอะไรบางอย่างแบบขั้นสุด เมื่อสองคำนี้มารวมกันจึงกลายเป็นโรคกลัวความมั่งคั่งร่ำรวยนั่นเอง

Plutophobia เกิดจากอะไร

ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าโรคกลัวความร่ำรวยหรือ Plutophobia เกิดจากอะไรกันแน่ แต่ทางจิตวิทยาก็สันนิษฐานกันว่า โรคกลัวความร่ำรวยอาจเกิดจากอดีตที่ฝังใจในวัยเด็ก โดยอดีตนั้นเป็นสิ่งที่โหดร้าย เป็นความทรงจำที่ไม่ได้ให้ความรู้สึกที่ดีนัก โดยอาจเกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่มีเบื้องหลังน่ากลัว ทำให้เขาฝังใจว่าความรวยมันซับซ้อน และไม่ได้ทำให้ชีวิตมีความสุข หรือบางคนอาจมีเงินมากตั้งแต่เด็ก แต่ชีวิตกลับไม่ได้สบายอย่างที่ควรจะเป็น ทว่าอาจต้องทนกับความอึดอัดใจ หรือต้องทนกับอะไรบางอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินทองของมีค่า เป็นต้น

Plutophobia อาการเป็นอย่างไร

หากใครนึกไม่ออกว่าอาการกลัวความมั่งคั่งร่ำรวยเป็นยังไง เราลองมาเช็กอาการของคนที่เป็น Plutophobia กันเลย

  • รู้สึกวิตกกังวลอย่างมากเมื่อต้องอยู่ท่ามกลางคนรวย
  • เมื่อคิดถึงความรวยแล้วจะเครียด จะกังวลไปสารพัด
  • มีความพยายามที่จะบ่อนทำลายความมั่นคงของตัวเอง
  • จะเลือกทำแต่งานที่เงินเดือนหรือได้ค่าตอบแทนไม่เยอะ
  • ไม่สนใจ และเข้าขั้นกลัวความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
  • เชื่อในหลักศีลธรรมมากกว่าความร่ำรวย
  • ไม่ไว้ใจหรืออาจถึงขั้นต่อต้านคนรวย
  • มักจะบ่น หรือมองคนรวยในแง่ร้าย
  • จะมีความรู้สึกติดลบกับความรวย เงินทอง ค่อนข้างมาก ยกตัวอย่างเช่น มองว่าการบริจาคเงินของคนรวยให้มูลนิธิหรือคนด้อยโอกาส เป็นการกระทำเพื่อปิดบังความผิด หรือเป็นการชดใช้ความผิดที่พวกคนรวยได้ทำไป แทนที่จะมองว่าเป็นการแบ่งปัน เป็นการแชร์ความสุขในอีกรูปแบบหนึ่ง 
  • มองว่าการได้เงินมาเยอะๆ การได้ครอบครองเงินเยอะๆ เป็นเรื่องที่ผิด และเขาจะรู้สึกผิดต่อตัวเองอยู่ลึกๆ เป็นต้น

Plutophobia รักษาได้ไหม

การรักษาภาวะโฟเบียจะมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี และการรักษาก็ขึ้นอยู่กับลักษณะอาการของคนไข้ด้วย โดยวิธีรักษามี ดังนี้

  1. รักษาด้วยยา

กลุ่มยาที่ใช้รักษาอาการโฟเบียจะเป็นยาในกลุ่มแก้วิตกกังวล ยาคลายเครียด หรือยาช่วยให้นอนหลับ ซึ่งแพทย์จะสั่งยาที่สามารถบรรเทาความรู้สึกกลัว หรือช่วยลดทอนปัญหาของผู้ป่วยได้ ซึ่งการรักษาด้วยยาจำเป็นต้องใช้เวลาในการรักษาพอสมควร และต้องปรับยาไปเรื่อย ๆ จนแพทย์เห็นว่าอยู่ในจุดที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายแล้ว

  1. รักษาด้วยจิตบำบัด

หากรักษาด้วยยาแล้วไม่ได้ผลที่ดีพอ แพทย์อาจให้ผู้ป่วยเข้ารับการทำจิตบำบัดกับนักจิตวิทยา โดยการพูดคุย ทำแบบทดสอบ และแลกเปลี่ยนความคิดซึ่งกันและกัน โดยการรักษาด้วยวิธีนี้ เป็นการรักษาที่มักจะใช้ควบคู่ไปกับการรักษาด้วยยา

  1. การเผชิญหน้ากับสิ่งที่กลัว

การรักษาภาวะโฟเบียที่ค่อนข้างจะได้ผลดีก็คือให้ผู้ป่วยค่อย ๆ ปรับตัวกับสิ่งที่ตัวเองกลัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้เขาเรียนรู้ว่าสิ่ง ๆ นั้น หรือความรู้สึกนั้นไม่ได้น่ากลัวเท่าที่เขาคิด ซึ่งนักจิตวิทยาและจิตแพทย์จะสร้างรูปแบบที่เหมาะสมเพื่อให้คนไข้ได้ค่อย ๆ เผชิญหน้ากับสิ่งที่กลัวไปเรื่อย ๆ จนเขาไม่รู้สึกกลัวอีกต่อไป

อย่างไรก็ดี ความกลัวที่ถึงขั้นเป็นโฟเบีย เป็นสิ่งที่มักจะรบกวนการใช้ชีวิตของผู้ป่วยอยู่เสมอ โดยอาจจะเป็นปัญหา อุปสรรคในการดำเนินชีวิตของเขาไม่ว่าในทางใดก็ทางหนึ่ง ดังนั้นหากพบว่าตัวเองกลัวอะไรบางอย่างมาก ๆ กลัวแบบเจอแล้วใจสั่น เหงื่อแตก หน้ามืด อยู่ไม่สุข ก็ควรไปปรึกษาจิตแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างถูกวิธีจะดีกว่าค่ะ

บทความที่เกี่ยวข้อง

เพื่อนๆ สามารถติดตาม ACU PAY Thailand ผ่านช่องทางการติดตามอื่นๆ ได้ที่